ไม่นึกถึงว่าจะมีวันนี้ วันที่ผมจะได้เขียน blog entry เรื่องนี้…
ด้วยความที่เป็นคนชอบด้านไอทีระดับหนึ่ง สมัยก่อน ผมชอบและศรัทธากูเกิลในด้านการทำสินค้าให้ใช้งานได้รวดเร็ว (ง่ายหรือเปล่าอีกเรื่อง)
ไม่รู้สินะ วันนี้ผมเพิ่งลบ Chrome ทิ้งไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เหตุผลเพราะความ “ห่วยบรม” ที่มันเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยคิดว่าจะเขียนเรื่องนี้ไว้เป็นไดอารี่ความทรงจำ
เมื่อเทียบกับ Apple แล้ว ผมยอมรับว่า Google ทำบริการที่ใช้งานได้เร็วกว่ามาก ๆ แต่ Apple กลับทำให้มันใช้งานได้ง่ายกว่า ซึ่งตรงนี้ผมมองว่ามีข้อได้เปรียบเสียเปรียบต่างกันชัดเจน
แต่ทำไม… พักหลังนี้ Google กลับทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่นั้น… แย่ลง หรือไม่ก็เอามาใช้หาผลประโยชน์มากไป
Chrome
Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่ดีที่สุด เปิดตัวมาอย่างสวยงาม ด้วยความหวังว่าจะมาฟัดกับเจ้าตลาดอย่าง IE ตอนนั้นเป็นเบราว์เซอร์ที่เร็วและทำให้ผมประทับใจที่สุดแล้ว Safari ยังสู้ไม่ได้ ทั้งที่ใช้ WebKit เหมือนกัน จึงไม่แปลกที่ Chrome จะไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน IE ที่โดนคำสบประมาทกลับไม่นิ่งเฉย พัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนตีตื้น Chrome ยิ่ง IE 11 นี่เป็นอะไรที่บรรเจิดมาก (ฟังมาอีกที แต่ผมว่าก็น่าจะจริงเพราะ IE 10 ก็บรรเจิดแล้ว แต่ยังไม่ดีพอ) จนคนใช้ Windows หลายคนเลิกใช้มันไปแล้ว
ส่วนด้าน Safari ที่ใช้ WebKit ตอนหลัง Chrome แยกออกไปใช้ Blink เพื่อเป็นประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่ายในการทำความสะอาดโค้ดของตัวเอง พอ OS X Mavericks ออก Safari นั้น บั๊กต่าง ๆ ถูกแก้ไปเยอะ แถมเร็วขึ้นอีกโข
ฝั่ง Opera ที่ทิ้งเอนจินเก่า Presto ของตนเองและมาใช้ Blink กับ Chrome ทำให้ผมชักสงสัย… นี่มันเอนจินเดียวกันเหรอ? ทำไม Opera ถึงเร็วกว่ามาก ๆ อาการแครชก็แทบไม่มี
ฝั่ง Chrome ที่แทบไม่มีการพัฒนาด้านความเร็ว แต่กลับพัฒนาด้านความช้า แถมได้ข่าวว่าจะยัดโฆษณามาให้อีก คืออะไร??? เปิดทีรอเป็นนาทีได้ แถมเปิดแค่แท็บเดียวก็แครชแล้ว???
พอกันที ลบ Chrome ทิ้งจากคอมบางเครื่องแล้ว แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็หาโหลดใหม่เอา
Google+ Upload
เมื่อก่อน เคยฝากความหวังไว้กับระบบอัพภาพของ Google+ ที่จะได้มาฟัดกับ Facebook เสียที รำคาญมาก
แต่พอ Google+ อนุญาตให้อัพโหลดภาพขนาดเต็ม พี่แกก็เล่นไม่ย่อภาพก่อนอัพโหลดเลย (ถ้าไม่เอาขนาดเต็มไปย่อที่ปลายทางเอง) แถมสิ่งที่รำคาญยิ่งกว่าคือ ไม่มีการเตือนตอนจะปิดด้วยว่าจะปิดเหรอ คือปิดแล้วระบบอัพภาพที่ค้างไว้ก็… (Facebook กับ Flickr ยังมีเตือน)
โอเค ถือว่าอันนี้ยังพอรับได้ เพราะอย่างน้อยก็ไม่ห่วยอย่าง Facebook ที่พอเสียก็ไม่แจ้งว่าภาพไหนเสีย แต่ Google+ ยังแจ้งว่าภาพไหนเสียแล้วยังอนุญาตให้อัพโหลดใหม่ได้ทันที
Google Maps
Google Maps แผนที่ที่แทบจะผูกขาดอยู่แล้ว ความแม่นยำกลับลดน้อยลงเรื่อย ๆ Apple Maps จากที่เคยไม่ไว้ใจ ตอนนี้กลับตีตื้นขึ้นมามากแล้ว POI ของสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ค้นหาสถานที่ก็เจอมากขึ้น แต่ Google Maps นั้นกลับมี POI ที่มีชื่อผิดพลาดไม่น้อยเลย ไม่แก้อีกต่างหาก
ผมไปนั่งอ่านกระทู้ในพันทิป กลับพบว่า หลายครั้ง Google Maps พาไปถึงสถานที่ก็จริง แต่ว่า… สถานที่ที่ว่านั้นกลับพาไปในทางที่กันดารมาก ๆ อันนี้ผมก็คงพอให้อภัยเพราะว่าแผนที่มันอาจดูเก่าไปหน่อย
สิ่งที่ Apple Maps นั้นตีตื้นขึ้นมาคือ เมื่อก่อนผมแทบไม่สามารถหาสถานที่ในประเทศไทยได้โดยใช้ Apple Maps แต่ปัจจุบันผมเริ่มหาสถานที่บน Apple Maps ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แถม Apple Maps เป็นแผนที่เวกเตอร์ ซูมเข้าไปก็ไม่ต้องโหลดใหม่ ขณะที่ Google Maps นั้นต้องโหลดใหม่ทุกครั้ง
ถึงความแม่นยำของ Apple Maps จะยังสู้ Google Maps ไม่ได้ แต่ POI ก็พัฒนาขึ้นเยอะมาก และหากแอปเปิลยิ่งทำ Flyover ในประเทศไทย และ POI พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ผมว่า Apple Maps คงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของ Google Maps เลยทีเดียว
สรุป
การเขียน blog entry นี้เกิดขึ้นมาเพราะเริ่มอัดอั้นตันใจ บริษัทที่ผมเคยคิดว่าเจ๋งที่สุดระดับโลกแห่งหนึ่งอย่าง Google กลับเลิกคิดถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดี แอพต่าง ๆ ที่เคยทำออกมาดี ๆ ในตอนแรกกลับยัดโฆษณามามากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้มันช้าลง แทนที่จะใช้ความสามารถขององค์กรที่มีทุนหนาไม่น้อยอย่าง Google ทำให้มันออกมาดีกว่านี้ แต่ก็ไม่ทำ…
จริงอยู่ Google อาจยังมีผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่ยังไม่เป็นตัวทำเงินได้มหาศาล แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น หากกลายเป็นผลิตภัณฑ์ทำเงินเมื่อไรล่ะก็… ผมหวังไว้นะครับ ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
แต่ผลิตภัณฑ์ไม่กี่อย่าง ที่ผมว่ายังไม่มีใครสู้ Google ได้ หรือสู้ได้ก็แค่สูสีก็ยังมีนะครับ เช่น Google Search, Google Drive, YouTube, Gmail (แต่ก็โดนคนอื่นโจมตีเรื่องการสอดแนมแอบอ่านอีเมลเพื่อผลประโยชน์การโฆษณา)