สิ่งหนึ่งที่คนชอบรถไฟแบบผมจะชอบมาก ๆ ก็คือ พิพิธภัณฑ์รถไฟ ซึ่งผมใฝ่ฝันจะไปที่นี่มาหลายครั้งแล้ว และนี่ก็ได้โอกาสจริง ๆ เสียที
บทความรถไฟญี่ปุ่นตอนที่ 7 ของผมนี้ก็จะพาไปชม The Railway Museum หรือ Tetsudo Hakubutsukan ที่อยู่จังหวัดไซตามะ
พิพิธภัณฑ์รถไฟของญี่ปุ่นนั้นจะมีหลายที่ เนื่องจากผู้ให้บริการรถไฟในญี่ปุ่นมีหลายเจ้า และผู้ให้บริการรถไฟรายใหญ่ ๆ ก็จะมีพิพิธภัณฑ์ของตนเอง ไม่ว่าจะป็น JR East, JR West, JR Central, Tokyo Metro และอื่น ๆ
จากที่อ่าน ๆ มา ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์รถไฟที่สุดยอดที่สุดและคุณต้องไปให้ได้ ซึ่งในบทความชิ้นนี้ผมจะพาไปชมกันว่า The Railway Museum นั้นเจ๋งแค่ไหน
วิธีการเดินทางมายัง The Railway Museum เพียงแค่นั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Omiya จังหวัดไซตามะ จากนั้นนั่ง New Shuttle ต่อไปยังสถานี Tetsudo Hakubutsukan
พอลงจากสถานีก็จะพบกับอุปกรณ์รถไฟเก่า ๆ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าคุณมาถึงแล้ว
ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์จะมีตู้ให้ซื้อตั๋วอยู่ ตู้นี้จะจ่ายด้วย IC หรือจะจ่ายเงินสดก็ได้ เมื่อซื้อตั๋วมาแล้วจะได้บัตรที่หน้าตาคล้าย IC มา เอาไว้ใช้แตะเข้าที่ประตูทางเข้า และบัตรนี้จะต้องคืนที่ประตูทางออก
พื้นที่ในพิพิธภัณฑ์ จะแบ่งเป็นห้อง ๆ แต่ละห้องก็จะมีพื้นที่ที่อธิบาย ตั้งแต่ห้องประวัติศาสตร์ที่นำประวัติของเก่ามาให้รับชมกัน ไปจนถึงห้องสำหรับทดลองขับรถไฟ หรือห้องเรียนรู้เทคโนโลยีรถไฟให้เลือกรับชมหลายห้องมาก ซึ่งในบทความนี้ก็จะพาไปชมเพียงห้องที่น่าสนใจ แต่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้น่าสนใจมากจนผมอธิบายไว้ในบทความนี้ไม่หมดแน่นอน
Rolling Stock: แค่ห้องนี้ก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว
เมื่อเดินเข้ามาที่ The Railway Museum และเลี้ยวขวา จะพบกับห้องนี้ ชื่อว่า Rolling Stock จากที่ผมรับชมมา ห้องนี้เพียงห้องเดียวก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว เพราะเป็นที่เก็บหัวรถจักร ไปจนถึงตู้โดยสารรถไฟที่ให้เข้าไปนั่งได้จริง ๆ รวมถึงมีช่องใต้พื้นสำหรับส่องด้วยว่ากลไกของรถไฟเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นรถไฟที่มีตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน
รถไฟตรงกลางจะเป็นพื้นที่ลานหมุน ซึ่งจะหมุนตามเวลา โดยมีการแสดงเสียงหวูดรถไฟที่ดังสนั่นหวั่นไหวด้วย
รถไฟและสถานีที่อยู่ในส่วน Rolling Stock นี้ คุณจะชมมันได้จริง ๆ มีรถไฟหลาย ๆ ขบวนเปิดให้คุณเข้าไปนั่งได้ สัมผัสได้ ขออย่างเดียวคือพยายามเบา ๆ มือ อย่ารุนแรงมากเนื่องจากสิ่งของเหล่านี้มีอายุทั้งนั้น ถ้าพังแล้วอาจหาที่ไหนไม่ได้อีก
Shinkansen Series 0: ต้นกำเนิดชินคันเซ็น
ห้องนี้เป็นห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งที่อธิบายถึงชินคันเซ็น ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น ตั้งแต่ประวัติผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น) มีวีดีทัศน์ให้รับชมถึงวันเปิดเดินรถไฟชินคันเซ็นครั้งแรก และหัวรถจักรชินคันเซ็น Series 0 ให้รับชมด้วย
ตัวห้องนี้ ตกแต่งเสมือนว่าคุณกำลังอยู่ที่ชานชาลาสถานีโตเกียว พร้อมตารางรถไฟสาย Tokaido Shinkansen ว่าจะมีเวลาออกเมื่อไรบ้าง
History: ห้องนี้มีประวัติ
ญี่ปุ่นมีรถไฟมาราว 150 ปีแล้ว และห้องนี้จะพาทุกคนเข้าไปรับชมประวัติของรถไฟญี่ปุ่นกันว่าสถานีรถไฟในแต่ละยุคเป็นอย่างไร
วิธีการจัดแสดงของห้องนี้ จะแบ่งเป็นแต่ละยุค โดยจะเป็นการพาทุกท่านเดินเข้าสถานีถไฟซึ่งจะเป็นเกทในแต่ละยุค และพาเดินเข้าข้างในเพื่อแสดงให้เห็นว่าแต่ละยุคนั้นรถไฟญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีอย่างไร และวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นอย่างไร
Railway Diorama: เมืองรถไฟจำลอง
สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องที่แสดงรถไฟจำลอง พื้นที่ของรถไฟจะเป็นพื้นที่ “จำลอง” ที่จะมีโมเดลรถไฟวิ่งไปวิ่งมาตามทาง ตั้งแต่ขบวน Yamanote ไปจนถึงรถไฟชินคันเซ็น วิ่งไปวิ่งมาเรื่อย ๆ พร้อมจำลองบรรยากาศสถานีรถไฟขนาดใหญ่และโรงจอดรถไฟที่จะมีรถไฟมาจอดเต็มไปหมด
455 Lunch Train: Ekiben อยู่ที่นี่
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถรับชมได้ทั้งวัน แต่กลางวันก็หิว จะให้ออกไปหากินนอกพิพิธภัณฑ์ก็คงไม่ใช่ และ The Railway Museum ก็มีข้าว (ไม่ฟรี) จัดให้คุณ พร้อมรถไฟให้นั่งทานด้วย!
มาพิพิธภัณฑ์รถไฟทั้งที จะขาด Ekiben (ข้าวกล่องรถไฟ) ได้อย่างไรล่ะ จริงไหม : )
Train Terrace: มองไปเห็นแต่ทางรถไฟ
Train Terrace หรือพื้นที่ชมวิวรถไฟ จะอยู่ชั้นบนสุดพร้อมวิวทางรถไฟ เป็นพื้นที่เปิดโล่ง คุณจะได้เห็นทางรถไฟที่มีรถไฟ JR วิ่งผ่านไปมาอยู่เรื่อย ๆ ทั้งรถไฟธรรมดา ไปจนถึงรถไฟชินคันเซ็น ถ้าใครชื่นชอบเสียงรถไฟวิ่งผ่านตรงนี้จะทำให้คุณมีความสุขมาก ๆ เลยล่ะ
ด้านในของ Train Terrace จะเป็นร้านอาหาร View Restaurant ใครหิวก็มารับประทานอาหารที่นี่แล้วชมวิวได้เช่นกัน
Shinkansen Lounge: ชมวิวชินคันเซ็นวิ่งผ่าน
ห้องนี้เป็นห้องรับชมชินคันเซ็น กระจกจะอยู่ใกล้กับทางรถไฟ มองออกไปจะเห็นชินคันเซ็นที่วิ่งเข้าออกทางเหนือของสถานี Omiya เป็นที่พักผ่อนยามเดินในพิพิธภัณฑ์เหนื่อย ๆ แล้วได้เป็นอย่างดี หรือจะรับประทานอาหารที่นี่ก็ย่อมได้
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ก่อนที่จะกำเนิด JR นั้น ญี่ปุ่นมีบริษัทรถไฟที่ชื่อว่า Japanese National Railways หรือ JNR มาก่อน ซึ่งภายหลัง JNR มีปัญหาจนต้องปรับโครงสร้างของบริษัทครั้งใหญ่ แตกออกเป็นบริษัทย่อย ๆ แบ่งตามการให้บริการในแต่ละภูมิภาค (แต่อาจมีพื้นที่ทับซ้อนกันบางส่วน)
หลายคนอาจรู้จัก JR ในชื่อว่า JR แต่จริง ๆ แล้ว บริษัทในกลุ่ม JR มีทั้งหมด 7 บริษัท ทั้งหมดจะใช้สัญลักษณ์ JR เหมือนกัน โดยจะแตกต่างกันตามตัวอักษรญี่ปุ่นด้านล่าง และใช้สีที่แตกต่างกันดังนี้
- JR Hokkaido สีเขียวอ่อน
- JR East สีเขียวเข้ม
- JR Central (Tokai) สีส้ม
- JR West สีน้ำเงิน
- JR Shikoku สีฟ้า
- JR Kyushu สีแดง
- JR Freight สี slate
ส่วน JR Group ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ระบุถึงกลุ่มบริษัท JR จะใช้สีดำ
ส่วนบัตร IC ที่ใช้สำหรับการเดินทาง จะแบ่งตามภูมิภาค โดยแบบที่นิยมก็มี Suica ของ JR East, PASMO ในแถบโตเกียว, TOICA ของ JR Central, ICOCA ของ JR West, Sugoca ของ JR Kyushu เป็นต้น
สรุป
เมื่อเยี่ยมชมเสร็จแล้วก็เอาบัตรที่คุณแตะเข้ามา แตะออกที่ประตู และคืนเจ้าหน้าที่ตรงทางออกด้วย
The Railway Museum คือพื้นที่ที่ผมอยู่ได้ทั้งวัน มีห้องที่น่าสนใจจำนวนมากทั้งที่อยู่ในนี้และที่ยังไม่ได้เล่าในนี้ก็มีอีกเพียบ ถ้าคุณเบื่อที่ช้อปปิ้งแล้ว หรือยังคิดแพลนเที่ยวไม่ออก ผมขอแนะนำให้มารับชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยตนเอง เพราะอยู่ห่างจากโตเกียวไม่นานนัก
ทริปโตเกียวรอบหน้า อย่าลืมใส่ The Railway Museum เข้าไปในแพลนเที่ยวของคุณด้วย ขอแนะนำให้มาลองชมสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าค่าเข้าชม 1,300 เยนนั้นไม่ได้แพงเลยเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์รถไฟญี่ปุ่นที่รวมมาให้แล้วที่นี่