รีวิว VIE Hotel Bangkok, MGallery โรงแรม 5 ดาวทำเลราชเทวี

หลังจากช่วงโควิดเริ่มซาและโรงแรมเปิดให้รีวิวแล้ว ซีรีส์รีวิวโรงแรมรอบนี้เป็นโรงแรม VIE Hotel Bangkok, MGallery ซึ่งเป็นการรีวิวโรงแรมครั้งที่ 2 ของผมเอง

VIE Hotel เป็นโรงแรม 5 ดาวในกลุ่ม Accor ภายใต้คอลเลคชั่น MGallery โรงแรมนี้มีข้อดีที่อยู่ติด BTS ราชเทวี ใกล้แหล่งความเจริญอย่างสยาม เดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวก และอยู่ใกล้กับโคโค่วอล์ค (ถ้าใครแฮงค์เอาท์แล้วไม่รู้จะไปนอนไหน ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี) วิธีการตกแต่งโรงแรมก็จะใช้แนวบูทีค ทำให้ได้อารมณ์สบาย ๆ เพียบพร้อมไปด้วย facility แบบครบครัน

รอบนี้ผมได้โปรโมชั่น Triple Bonus เลือกแพคเกจจ่าย 3,333 บาท พร้อมอาหารเช้า, อาคารค่ำ 3 คอร์ส และเปียโนบาร์ ส่วนห้องพักได้เป็น Duplex Suite 2 ห้องนอน

เริ่มเข้ามาเช็คอินก็จะได้รับบริการ Welcome Drink (ผมจำไม่ได้แล้วว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง จำได้แค่เสาวรส) ซึ่งรสชาติโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ให้ความความสดชื่นและผ่อนคลายจากการเดินทาง

ห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวก

เมื่อเช็คอินแล้วพนักงานจะให้บัตรพร้อมกับบัตรรับประทานอาหารตอนเย็น ตัวบัตรเป็นเสียบ ตอนขึ้นลิฟท์ต้องเสียบบัตรแล้วกดชั้น ส่วนตอนเข้าห้องก็ต้องเสียบบัตรเช่นกัน ซึ่งผมเองชอบบัตรแบบแตะแบบที่โรงแรมอื่นใช้กันมากกว่า เพราะใช้งานง่ายกว่าบัตรแบบเสียบมาก

Duplex Suite 2 ห้องนอนของผมอยู่ที่ชั้น 25 (โรงแรมมีทั้งหมด 26 ชั้น) ชั้นนี้จะมีทั้งหมด 8 ห้อง เป็น Duplex Suite 4 ห้อง และ Grand Duplex Suite อีก 4 ห้อง

Duplex Suite เป็นห้อง 2 ชั้น ชั้นล่างมีห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวกับห้องนั่งเล่น ส่วนชั้นบนมีห้องนอนและห้องน้ำในตัวเหมือนชั้นล่าง

โซนห้องนั่งเล่นจะเน้นแสงธรรมชาติด้วยการใช้ผนังสูงพร้อมหน้าต่างบานกว้างที่เปิดม่านแล้วเห็นวิวเมืองอย่างสวยงาม ม่านควบคุมด้วยสวิตซ์ ส่วนในเวลากลางคืนก็เห็นวิวเมืองกรุงเทพแบบสวยงาม มีโคมไฟที่สามารถหรี่แสงได้จากสวิตซ์ไฟชั้น 2 คนที่อยู่ชั้นสองถ้าจะลงมาทำธุระข้างล่างตอนกลางคืนจะได้สะดวก

ฝั่งห้องที่ผมอยู่หันหน้าเข้าถนนราชเทวี มีโซฟาและโต๊ะทานอาหาร ส่วนขวามือจะเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 ซึ่งการใช้ผนังทางเดินเป็นกระจกทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเกินไป

ภายในห้องนั่งเล่นจะมีลำโพง Bose พร้อมกับ iPod nano วางไว้ให้ โดย iPod นี้จะบรรจุเพลงตามธีมของโรงแรมไว้ เปิดเพลงธีมนี้ไว้คลอในห้องช่วยให้ผ่อนคลายได้อีกระดับหนึ่ง ยอมรับว่าเพลงธีมโรงแรมเลือกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

มีมุมชาและกาแฟ พร้อมแก้วไว้สำหรับดื่มตอนเช้า

มีน้ำดื่มพร้อมแก้ววางไว้ตามจุดต่าง ๆ ของห้องในจำนวนมากพอที่จะดับกระหายได้ ถ้าใครต้องการปาร์ตี้ที่ห้องสามารถสั่งน้ำแข็งมาปาร์ตี้เงียบ ๆ ที่ห้องได้ โดยน้ำแข็งเป็น complimentary ไม่คิดเงิน สามารถโทรลงไปสั่งได้ตามต้องการ

ส่วนห้องนอนแต่งด้วยธีมเรียบ ๆ เตียงกว้างและนุ่ม แต่แอบสั้นไปหน่อย เวลาผมยืดขาก็ถึงปลายเตียงเลย

ไฟเกือบทั้งหมดในห้องสามารถควบคุมได้โดยใช้สวิตซ์มุมหัวเตียง รู้สึกว่าระบบไฟใช้ยากไปเล็กน้อย แต่ข้อดีคือไฟหลาย ๆ มุมในห้องสามารถหรี่ไว้ใช้เป็นไฟทางเดินตอนกลางคืนได้โดยไม่ต้องปิด

ม่านออกแบบมาค่อนข้างดี แม้ข้างนอกจะสว่างแค่ไหนแต่ถ้าปิดม่านก็สามารถนอนหลับได้สบาย ๆ

ในห้องนอนแต่ละห้องจะมีทีวีและโต๊ะอีกชุดหนึ่ง มีตู้เสื้อผ้าอีกสองฝั่งขนาดไม่ใหญ่มาก อยู่ในระดับใช้งานได้สบาย ๆ เดินออกไปอีกหน่อยก็จะเป็นมุมวางกระเป๋าและลิ้นชักใส่ของ

ในส่วนของพื้นที่ห้องน้ำ มีชักโครกและฝักบัวไว้ให้พร้อมประตูกั้น ส่วนอ่างเป็นจากุซซี่ที่พอเปิดระบบน้ำวนแล้วก็ผ่อนคลายจนแทบจะหลับได้เลย

Amenities มีให้ครบ แปรงสีฟันก็ใช้แปรงค่อนข้างดี ไม่แข็ง ความเด็ดคือชุดที่อยู่ในถุง เป็นบวบพร้อมเกลือไว้ใช้อาบน้ำและขัดตัว เกลือมีกลิ่นหอมที่เมื่อใส่กับน้ำอุ่น ๆ แล้วจะช่วยให้ผ่อนคลาย

ในโรงแรมมีห้องฟิตเนสที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงสระว่ายน้ำที่เรียกได้ว่าถูกใช้เป็นภาพโปรโมตของโรงแรมอยู่เป็นประจำ แต่สระว่ายน้ำจริง ๆ ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก มีไว้ว่ายได้พอคลายร้อน แต่เนื่องจากรอบ ๆ สระว่ายน้ำแทบจะไม่มีอะไรบังแดด ดังนั้นควรจะหลีกเลี่ยงการใช้สระตอนแดดกำลังจัด ๆ จะดีกว่า

ส่วนพื้นที่ในโรงแรมมีมุมจัดแสงไว้ให้ถ่ายรูปสวย ๆ บ้าง

Wi-Fi ที่ใช้งานในห้องเป็น Wi-Fi แบบใช้รหัสผ่าน สามารถถามรหัสผ่านได้ตั้งแต่ตอนเช็คอิน โดยทางโรงแรมสมัคร Press Reader ไว้ เมื่อต่อ Wi-Fi สามารถเปิดแอปมาใช้อ่านข่าวได้ทันที ตัว Access Point ที่ใช้ปล่อยสัญญาณติดไว้ในห้อง ทำให้ได้ความเร็วในการใช้งานค่อนข้างดี

Piano Bar

Piano Bar เป็นคลับสำหรับนั่งพักผ่อนในช่วงเย็น ตกแต่งด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย เครื่องดื่มใน Piano Bar มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ไวน์, คอกเทล, เบียร์ หรือถ้าใครไม่ชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มีมอคเทลและซอฟต์ดริ้งค์ให้บริการเช่นกัน

สำหรับเครื่องดื่มประเภทชงอย่างคอกเทลและมอคเทลก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอดี ๆ

นอกจากเครื่องดื่มแล้ว Piano Bar มีคานาเป้ให้รับประทานแบบไม่อั้นเช่นกัน สามารถเดินไปตักได้ มีให้เลือกหลากหลาย มาการองก็มี ความอร่อยในเกณฑ์ขนมทานเล่นก็ถือว่าดี แต่ไม่ควรทานเยอะเนื่องจากใกล้เวลาอาหารมื้อค่ำแล้ว

อาหารค่ำ

ตอนนี้ก็ถึงเวลาอาหารค่ำของเราแล้ว ห้องอาหารหลักของโรงแรมชื่อว่า La VIE Bistronomy เป็นห้องอาหารแนวฝรั่งเศส ตามแพคเกจเราจะได้อาหาร 3 คอร์ส แต่ทางโรงแรมแจ้งว่าเนื่องจากวันนี้ลูกค้ามารับประทานอาหารค่อนข้างเยอะ (ตอนที่ผมไปเป็นช่วงหยุดยาวชดเชยสงกรานต์) เพื่อความสะดวกของลูกค้าทางโรมแรมจึงจะจัดเป็นบุฟเฟ่ต์แทน และแนะนำตั้งแต่ตอนเช็คอินด้วยว่าให้จองโต๊ะไว้เลย เป็นบริการที่ดีมาก ๆ

บุฟเฟ่ต์ของร้านอาหารจะจัดอาหารไว้ที่มุมหนึ่ง ให้เดินไปตักมาทานเอง จุดเด่นของร้านอาหารคือหอยนางรมดิบตัวใหญ่ ๆ ที่มีให้ตักแบบไม่อั้น มีซอสและเลมอนไว้ให้บีบดับกลิ่นคาว

เนื่องจากแพคเกจนี้เป็นแพคเกจดินเนอร์แบบไม่รวมเครื่องดื่ม ดังนั้นเครื่องดื่มจึงต้องสั่งและจ่ายเงินเพิ่มเอง ผมสั่งน้ำแร่ขวดใหญ่ที่ราคา 190++ บาท นำไปเป็นค่าใช้จ่ายรวมตอนเช็คเอาท์ได้

โดยรวมแล้วอาหารที่ห้องอาหารอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก จะมีติดตรงที่ความหลากหลายของอาหารไม่ค่อยมากสักเท่าไร แต่ไม่ได้เป็นปัญหามากนักเนื่องจากคุณภาพอาหารโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก และแค่นี้ก็อิ่มได้แบบสบาย ๆ แล้ว

จริง ๆ นอกจากห้องอาหารหลักอย่าง La VIE Bistronomy แล้ว ที่นี่ยังมีห้องอาหาร YTSB หรือ Yellow Tail Sushi Bar ให้บริการด้วยเช่นกัน โดยไฮไลต์ห้องอาหารนี้จะเป็นซูชิโอมากาเสะ

อาหารเช้า

อาหารเช้าของ VIE Hotel ก็ยังคงทานที่ห้องอาหาร La VIE Bistronomy เช่นเดิม เพิ่มเติมคือบรรยากาศที่เปลี่ยนไป จากตอนกลางคืนที่เป็นบรรยากาศใช้แสงไฟ ตอนเช้าเป็นบรรยากาศจากแสงธรรมชาติซึ่งได้ประโยชน์จากหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ ห้องอาหาร

เข้ามาพนักงานจะเริ่มด้วยการพาไปนั่งที่โต๊ะและถามว่ารับชาหรือกาแฟ จากนั้นเราก็เดินไปตักอาหารได้ตามสะดวก

วิธีตักอาหารเช้าที่ห้องอาหารก็เหมือนอาหารเย็น คือจะวางไว้มุมหนึ่ง ส่วนน้ำก็จะมีน้ำผลไม้หลายรูปแบบ จุดที่ชอบคือทางโรงแรมรินน้ำผลไม้ใส่ไว้เป็นขวด ๆ ให้นำไปเทที่แก้วบนโต๊ะ ซึ่งปริมาตรที่รินมาใส่แก้วได้พอดี การแยกเป็นขวด ๆ ให้หยิบมาเทที่โต๊ะแบบนี้ผมชอบมาก เพราะสะดวกกว่าถือแก้วของตัวเองเดินไปกด

ส่วนอาหารบางอย่างก็จะต้องสั่ง เช่น ออมเล็ต ก็ทำมาได้ดีตามมาตรฐานโรงแรมทั่ว ๆ ไป

สิ่งที่ไม่ค่อยชอบอย่างหนึ่งคือสลัด เนื่องจากผมเป็นคนคาดหวังเรื่องสลัดกับห้องอาหารของโรงแรมมาก ที่นี่เป็นสลัดแบบสำเร็จ ไม่ค่อยมีให้เลือกเยอะเท่าไร

ถ้าไม่นับสลัด อาหารเช้าอย่างอื่นที่นี่อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี มีให้เลือกค่อนข้างครบ

พนักงาน

สำหรับ VIE Hotel พนักงานที่ให้บริการที่นี่ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมารยาทและการแนะนำรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับโรงแรม รวมถึงการต้อนรับในห้องอาหารต่าง ๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และมีการดูแลลูกค้าตามโต๊ะได้ไม่ขาดตกบกพร่องแม้ว่าจะเป็นวันที่คนเข้าพักค่อนข้างมากก็ตาม

สรุป

เนื่องจากทำเลใกล้ ๆ กับสยาม และใกล้กับแหล่งแฮงค์เอาท์อย่างราชเทวี VIE Hotel จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการมาพักผ่อนในวันหยุด และการบริการที่สะดวกครบครันตามแบบฉบับโรงแรม 5 ดาว ถ้าจะเลือกมาพักที่กรุงเทพใจกลางเมือง หรือจะแฮงค์เอาท์เสร็จหาที่นอนสบายๆ ตื่นเช้ามาทานอาหารดี ๆ ที่นี่ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้

แม้ผมเองจะคิดว่าเป็นคนที่อยู่กรุงเทพหรือปริมณฑลและไม่อินกับการมาจ่ายเงินแพง ๆ ทั้งที่กลับไปนอนที่บ้านก็ได้ ตอนนี้ก็ต้องคิดใหม่เล็กน้อยเพราะการมานอนเพียงระยะเวลาสั้น ๆ กับโรงแรมดี ๆ ที่อยู่ไม่ไกลนักก็ช่วยให้ refresh ตัวเองได้ระดับหนึ่งเหมือนกัน

Advertisement
รีวิว VIE Hotel Bangkok, MGallery โรงแรม 5 ดาวทำเลราชเทวี

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s