เมื่อตอนที่แล้วผมได้รีวิวโรงแรม Mandarin Oriental, Bangkok ไปแล้ว และเนื่องจากห้องอาหาร Lord Jim’s อันเลื่องชื่อของโรงแรมนั้นมีรายละเอียดมากพอ ดังนั้นผมจึงขอรีวิวแยกออกมาอีกบทความหนึ่งสำหรับ Lord Jim’s โดยเฉพาะ

อ่านเพิ่มเติม: รีวิว Mandarin Oriental, Bangkok: สัมผัสโรงแรมระดับตำนานที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ก้าวแรก

Joseph Conrad: Lord Jim’s

โรงแรมโอเรียนเต็ลนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ของโรงแรม และสำหรับห้องอาหาร Lord Jim’s แห่งนี้ก็เช่นกัน Lord Jim’s คือชื่อที่ตั้งตามนิยาย Lord Jim ของ Joseph Conrad ซึ่งเขาก็คือแขกประจำของโรงแรมโอเรียนเต็ลนั่นเอง

Lord Jim’s ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคาร River Wing ของโรงแรมโอเรียนเต็ล เดินขึ้นจากชั้นล็อบบี้ไปเล็กน้อยแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอป้ายบอกห้องอาหารแล้ว ซึ่งห้องอาหารแห่งนี้จะติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าจองที่นั่งติดริมแม่น้ำจะได้บรรยากาศดีมาก

Weekend Semi Buffet

มื้ออาหาร Lord Jim’s ที่ผมได้เข้ามาใช้บริการครั้งนี้เป็น Semi Buffet ในวันหยุด โดยก่อนหน้านี้ในช่วง COVID-19 ทางห้องอาหารได้เปลี่ยนจากบุฟเฟ่ต์เป็น A La Carte แบบสั่งไม่อั้นแทน และตอนนี้เมื่อผ่อนคลายมากพอทาง Lord Jim’s จึงกลับมาให้บริการบุฟเฟ่ต์เต็มรูปแบบอีกครั้ง

เริ่มต้นมาที่ห้องอาหาร ถ้าจองไว้แล้วก็แจ้งชื่อผู้จอง พนักงานจะพามาที่โต๊ะซึ่งตอนนี้มีสิ่งพิเศษเพิ่มจากสภาวะปกติคือถุงสำหรับใส่หน้ากากอนามัย

ห้องอาหารนี้จะมีแพคเกจน้ำแยก แนะนำให้สั่งแพคเกจแบบมีชาเพราะจะช่วยดับเลี่ยนจากอาหารหลาย ๆ อย่างได้ โดยการบริการของพนักงานที่นี่คือจะมาสอบถามและช่วยเติมน้ำดื่มตลอดเวลา หรือถ้าจะให้ช่วยตักอาหารก็ได้เช่นกัน เพราะที่นี่คือโรงแรมโอเรียนเต็ลที่ขึ้นชื่อเรื่องการบริการอยู่แล้ว

เมนูอาหารของ Lord Jim’s เรียกได้ว่ามีหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่ผมจะให้โดดเด่นมักจะเป็นอาหารฝรั่งและอาหารญี่ปุ่น โดยสเตชั่นเนื้อของที่นี่มีทั้งเนื้อ, เบคอน, Lamb และอื่น ๆ ที่บอกได้ว่าเด่นจริง โดยเฉพาะ Lamb ที่นุ่มมาก

กุ้งเทมปุระที่แป้งกำลังดี ไม่หนามาก

ของเด็ดใน Lord Jim’s คือฟัวกราส์ตักไม่อั้น รสชาติที่ได้ก็นุ่มละมุนมาก แต่สำหรับผมก็คงจะทานได้แค่ชิ้นเดียวครับเพราะโดยส่วนตัวไม่ค่อยถูกกับของเลี่ยน ๆ อย่างฟัวกราส์สักเท่าไร

อาหารทะเลก็สดมาก โดยเฉพาะ oyster ที่ตักได้เรื่อย ๆ ปูชิ้นใหญ่ ๆ แกะง่าย ๆ ซาซิมิสด ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกมุมเด็ดของ Lord Jim’s กันเลยทีเดียว มุมอาหารทะเลตรงนี้ยอมรับเลยว่าดีมาก

นอกจากไลน์บุฟเฟ่ต์แล้ว Lord Jim’s ยังมีบางส่วนที่เป็น unlimited a la carte ที่สามารถสั่งได้ไม่อั้นตามเมนูนี้ ซึ่งเมนูเหล่านี้เท่าที่ผมสั่งมาทุกเมนู (ยังไม่ครบตามลิสต์) อร่อยทั้งหมด

ซุปลอบสเตอร์ รสชาติมันและเค็มเล็กน้อย มีเนื้อลอบสเตอร์เด้ง ๆ ให้เคี้ยว

Louisiana Cajun Seafood Boiled with Corn and Potatoes

Mushroom Risotto with Black Truffle Butter เป็นอาหารแนว vegan

Sautéed Mussels in Herb-White Wine Sauce เสิร์ฟพร้อมขนมปังกระเทียม

Gratinated Seafood Thermidor served in a Scallop Shell

แต่ถ้าถามว่ามีสิ่งที่ผมอยากจะบ่นห้องอาหารแห่งนี้ไหม ก็บอกได้เลยว่ามีอยู่นิดนึงคือติ่มซำนี่แหละครับที่ทานแล้วบอกได้ว่ามาห้องอาหารนี้ไม่ควรเสียเวลากับสเตชั่นนี้ ให้ข้ามไปได้เลย

หลังจบมื้อหลัก เราจะมาต่อกันด้วยของหวานที่มีมาให้หลายอย่าง ตั้งแต่ขนมไทย, มาการอง และอื่น ๆ ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าขนมไทยรสชาติอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ขนมฝรั่งอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะมาการองที่บอกได้เลยว่าห้ามพลาด

ปิดท้ายกันด้วยไอศกรีม ฟองดูว์ และผลไม้

สรุป

เรียกได้ว่า Lord Jim’s เป็นห้องอาหารที่ไม่ได้มีแต่ชื่อเสียง แต่ทุกความดีงามรังสรรค์ออกมาเป็นรสชาติอาหารที่เรียกได้ว่าเยี่ยมจริง ๆ ซึ่งแม้ว่าจะมีอาหารบางอย่างที่ยังไปไม่ถึงขั้น แต่สำหรับเมนู Signature หลาย ๆ อย่างก็ยอมรับได้ว่าคุณภาพดีมาก และทั้งหมดที่เห็นมาในรีวิวนี้คือผมยังทานไม่หมด เพราะเมนูดี ๆ ในห้องอาหารนี้เยอะมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปเยือนห้องอาหารแห่งนี้อีกสักครั้ง

สำหรับใครที่อาจจะยังไม่เคยทานอาหาร Lord Jim’s แนะนำให้ลองด้วยมื้อ Weekend Semi Buffet ของโรงแรมนี้ในวันอาทิตย์ที่มีอาหารคุณภาพให้เลือกสรรอย่างหลากหลายและน่าจะถูกใจใครหลาย ๆ คนแน่นอนครับ